วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง...ชาตินี้ ชาติหน้า
ขึ้นอยู่กับว่า..สติปัญญาสั่งสมมาแบบไหน...ลัทธิ ความเชื่อ สิ่งที่เอื้อ...ศาสนา
กับบางความเชื่อลัทธิศาสนาสอนว่า...
พระเจ้าผู้สร้าง ผู้เนรมิต ผู้ให้เป็นไป...สังคมผู้คนในบางคนบางกลุ่มก็เลยสับสนว่า...
หากพระเจ้าไม่สร้างก็จะไม่มีอะไร
เอาชีวิตไปฝากไว้กับสิ่งที่ไร้ความจริง
แม้ทำบาปทำกรรมชั่วฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
มาเข้าทำพิธีล้างบาปก็หายไปไม่มีบาปกรรมอะไร...หากล้างไม่ออกไม่เป็นไปตามความเชื่อนั้นอะไรเกิดและใครที่ซวย...?
พระเจ้ายังเอาตัวไม่รอด...ตายทำไม? ทำไมไม่สร้างตนเองให้อมตะอยู่ค้ำฟ้า..เย้ยฟ้าท้าดิน...ไหนว่าสร้างทุกอย่าง ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยจะไปสร้างอะไรสร้างใคร...?
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ของทุกๆชีวิต
หากก้าวผิดทางไปคงห่างไกลไปจากความจริง
และคงไม่มีใครจะช่วยใครได้เพราะขึ้นอยู่กับใจที่เห็นไปเช่นนั้นก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น
ก็น่าเห็นใจเพราะภพภูมิที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อธรรมดาอย่างเราๆพระอริยเจ้าท่านเห็นท่านก็หมดปัญหาที่จะต้องเกิดแบบเราๆ ท่านจึงเข้าใจ เหลือแต่พวกเรา...

มาดูเหตุผลเป็นหลักใจเอาไว้เปรียบเทียบ

พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้...
สรรพสิ่งที่เป็นไปทั้งหมดในจักรวาลนี้
เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
คือใครทำเหตุใดไว้ก็ต้องได้รับผลนั้นแบบนั้น
ไม่มีใครสร้าง..ไม่มีใครบังคับบัญชา เนรมิต ดลบันดาลให้เป็นไปในอำนาจใดๆของใครได้
การ...คิด พูด ทำ ที่เป็นกรรมเท่านั้นที่จะพาเราไป
กุศลกรรมบถ อกุศลกรรมบถ ที่ไปตัวแปรชีวิต
ที่จะไปเกิดใหม่ในแต่ละภพภูมิ พรหม เทวดา มนุษย์ เปรต อสูรกาย นรก เดรัจฉาน
ถึงใครจะปฏิเสธไม่เชื่อให้หันมองข้างๆว่าสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ชนิดที่รูปร่างหน้าตาต่างกันตัวเราด้วยที่เกิดมาให้เรามองเห็นทั้งหมดมาจากไหน?
การจะเชื่อหรือไม่เชื่อชาติใหม่ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นของเราคือหากตายไปจริงแล้วเกิดมีชาติใหม่จริง..เราจะเกิดเป็นอะไร? นี่คือสิ่งสำคัญ...

เหตุผลทางจิตวิญญาณ
จิตที่มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
และเป็นไปอย่างรวดเร็ว
๛อุปาทขณะ เกิดขึ้น
๛ฐีติขณะ ตั้งอยู่
๛ภังคขณะ ดับไป
ความไวของจิตรวดเร็วแค่ไหนลองคิดไปในที่ที่เราเคยไปที่คิดว่าไกลที่สุดสิ..ถึงทันที่...จิตเราไวแบบนั้นที่ท่านใช้คำว่า วิถีจิต หากิน เจตสิกไม่เกิดดับ รูปร่างกายของเราจะไม่แก่...แต่ความจริงเราแก่กันไหม...ในทุกๆขณะ/วัน/เดือน/ปี/เวลาที่หมุนไป...กาลเวลากลืนกินสรรพสัตว์พร้อมกันตัวของมันเอง จิต เจตสิก เกิด*ดับ ร่วมกัน 17 ขณะ รูปจึงเกิดดับขณะหนึ่งร่างกายของเราจึงแก่ลงๆๆๆ
ตัวตัณหาผู้สร้างภพ...
การเกิดใหม่ในชาติใหม่ก็ดับจากภพเก่าก็เกิดในภพใหม่ทันที.. จุติ...เคลื่อนภพ ปฏิสนธิ...สืบต่อภพใหม่ในทันที...ขณะจิตต่อขณะจิต2ขณะทำงานร่วมกัน ขึ้นอยู่กับจิตขณะสุดท้ายของเราคิดอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งใดไปเกิดเป็นอย่างนั้น...เช่น โตเทยยพราหม์ไปเกิดเป็นสุนัขเพราะความหลง..เรื่องนี้พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ชัด...

อุปมา ดุจเมล็ดมะม่วง
มีมะม่วงอยู่ต้นห
เรานำเมล็ดมะม่วงไปปลูกในที่ใหม่
ต้นใหม่ที่โตขึ้นมาในที่ไหม่
ถามว่าใช่มะม่วงต้นเก่าไหม?
ไม่ใช่..เป็นต้นที่งอกออกมาใหม่
แต่ต้นใหม่ที่เกิดขึ้นมา...
ถามว่า...เป็นมะม่วงต้นใหม่ที่ได้มาจากต้นเก่านั้นเป็นเหตุใช่ไหม?
นึ่งโตติดดอกออกผลสุกร่วงหล่นลงมา...
มะม่วงต้นใหม่ที่ได้มาจากสายพันธุ์ของต้นเก่า...
คำถามที่น่าสนใจลึกลงไปคือ...
ตอนที่ยังเป็นเม็ดมะม่วงอยู่นั้น...ราก..ต้น..เปลือก..กิ่งก้าน..ใบ..ยอด..ดอก..ผล...ของมะม่วงที่จะงอกขึ้นมาต้นใหม่ไปอยู่เสียที่ไหน..? ลองผ่าค้นหาดูในเม็ดมะม่วงไม่เจอ
แต่ทำไมเรานำลงไปปลูกเพาะไว้ในดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปุ๋ยน้ำ...มะม่วงต้นใหม่เกิดขึ้นมาไหม?
ต้นใหม่รสชาดมะม่วงจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับต้นเก่าสายพันธุ์ดีไหม เหมือนจิตใจของเราในภพที่เราไปเกิดใหม่..จิตใจในภพเก่าถูกฝึกเอาไว้ในแบบใด จิตใจในภพใหม่ก็แบบนั้น...
นี่..กับต้นไม้ที่ไม่มีชีวิตในทางคำสอนของพระพุทธเจ้า อาศัยดินฟ้าอากาศธาตุ4 ก็เขียวขจี่..ได้ กับสิ่งที่มีชีวิตจิตวิญญาณการเกิดนี้จะไม่มีอย่างไร...ด้วยอำนาจกิเลส ตัณหา อุปาทาน นำพาไป...
เราเชื่อไหมแบบใกล้ๆตัว...วันพรุ่งนี้มี หยิบวันพรุ่งนี้มาดูได้ไหม?
หน้าตาเป็นอย่างไร...ชาติใหม่ก็เช่นกัน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น